1. กันเกรา
Tembusu

Fagraea fragrans Roxb.
POTALIACEAE
ชื่ออื่น ตำเสา ทำเสา มันปลา

รูปลักษณะ
ไม้ยืนต้น สูง 10-15 เมตร
ใบเดี่ยว เรียงตรงข้าม รูปวงรี กว้าง 4-6 ซม. ยาว 8-12 ซม. แผ่นใบบางแต่เหนียว
ดอกช่อ ออกที่ปลายกิ่งและซอกใบตอนปลายกิ่ง เมื่อเริ่มบาน กลีบดอกสีขาว ต่อมาเปลี่ยนเป็นสีเหลือง กลิ่นหอม
ผล เป็นผลสด รูปทรงกลม สีแดง
สรรพคุณและส่วนที่นำมาใช้เป็นยา
ใบ - ใช้บำรุงธาตุ แก้ไข้จับสั่น แก้หืดและรักษาโรคผิวหนังพุพอง


 

2. ข่อย
Siamese Rough Bush, Tooth Brush Tree

Streblus aspera Lour.
MORACEAE
ชื่ออื่น กักไม้ฝอย ส้มพอ

รูปลักษณะ
ไม้ยืนต้น มีน้ำยางขาว สูง 5-15 เมตร
ใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปไข่แกมขอบขนาน รูปวงรี หรือรูปไข่กลับ กว้าง 2-4 ซม. ยาว 4-8 ซม. ผิวใบสากคาย
ดอกช่อ ออกที่ซอกใบ แยกเพศอยู่คนละต้น ช่อดอกตัวผู้เป็นช่อกลม ช่อดอกตัวเมียออกเป็นกระจุกมี 2-4 ดอกย่อย กลีบดอกสีเหลือง
ผลสด รูปไข่ เมื่อสุกสีเหลือง
สรรพคุณและส่วนที่นำมาใช้เป็นยา
เปลือกต้น - แก้โรคผิวหนัง รักษาแผล หุงเป็นน้ำมันทารักษาริดสีดวงทวาร รักษารำมะนาด แก้ท้องร่วง
เมล็ด - ผสมกับหัวแห้วหมู เปลือกทิ้งถ่อน เปลือกตะโกนา ผลพริกไทยแห้ง และเถาบอระเพ็ด ดองเหล้าหรือต้มน้ำดื่ม เป็นยาอายุวัฒนะ


 

3. พญาไร้ใบ
Milk Bush

Euphorbia tirucalli Linn.
EUPHORBIACEAE
ชื่ออื่น เคียะจีน พญาร้อยใบ เคียะเทียน

รูปลักษณะ
ไม้ยืนต้น ขนาดเล็กสูง 4 - 7 เมตร ไม่มีหนาม มีน้ำยางสีขาวมาก อวบน้ำ แตกกิ่งก้านสาขามากกิ่ง รูปทรงกระบอก สีเขียว เกลี้ยง
ใบเดี่ยว ออกเฉพาะที่ข้อส่วนปลายยอด ลดรูปเป็นแผ่นขนาดเล็ก ร่วงง่าย
ดอกช่อ ออกเป็นกระจุกที่ปลายกิ่ง ใบประดับสีเหลืองอ่อน ดอกตัวผู้และตัวเมีย ไม่มีกลีบดอก อยู่ในช่อเดียวกัน
ผล แห้ง แตกได้
สรรพคุณและส่วนที่นำมาใช้เป็นยา
ยาง - พญาไร้ใบจัดเป็นพืชมีพิษ เมื่อสัมผัสกับน้ำยางขาวจากต้นจะทำให้ผิวหนังอักเสบ บวมเป็นผื่นแดง หากเข้าตาอาจทำให้ตาบอด ใช้ยางขาวแต้มกัดหูด หัวริดสีดวงทวาร ในยางขาวมีสาร 4 deoxyphorbol และอนุพันธ์ ซึ่งมีฤทธิ์ระคายเคืองอย่างแรง และเป็นสารร่วมก่อมะเร็ง จึงควรระวังในการใช้


 

4. เพชรสังฆาต
Cissus quadrangularis Linn.
VITACEAE
ชื่ออื่น ขั่นข้อ สันชะควด สามร้อยต่อ

รูปลักษณะ
ไม้เลื้อย ลำต้นรูปสี่เหลี่ยมเป็นครีบ ผิวเรียบ มีรอยคอดบริเวณข้อ
ใบเดี่ยว ออกข้อละ 1 ใบ บริเวณปลายเถาตรงข้ามใบมีมือเกาะ รูปสามเหลี่ยมหรือรูปไข่ กว้าง 3 - 8 ซม. ยาว 4 - 10 ซม. ขอบใบหยักมน เนื้อใบค่อนข้างหนา
ดอกช่อ ออกตรงข้ามใบ ดอกย่อยขนาดเล็ก กลีบดอกด้านนอกสีเขียวแกมเหลือง โคนกลีบมีแถบสีแดง กลีบด้านในสีขาวแกมเขียว
ผล เป็นผลสด รูปกลม
สรรพคุณและส่วนที่นำมาใช้เป็นยา
เถา - ใช้เถาสดกินแก้ริดสีดวงทวาร วันละ 1 ปล้องจนครบ 3 วัน โดยหั่นบางๆ ใช้เนื้อมะขามเปียก หรือเนื้อกล้วยสุกหุ้มกลืนทั้งหมด เพราะในเถาสดมีผลึกแคลเซียมออกซาเลตมาก อาจทำให้คันคอ


 

5. ลั่นทมขาว
Evergreen Frangipani, Graveyard Flower
Plumeria obtusa Linn.
APOCYNACEAE

รูปลักษณะ
ไม้ยืนต้นขนาดเล็ก สูง 3-6 เมตร ทุกส่วนมีน้ำยางขาว ใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปใบหอกกลับ กว้าง 5-8 ซม. ยาว 20-32 ซม. ดอกช่อ กระจุกแยกแขนง ออกที่ปลายกิ่ง ดอกย่อยหลายดอก กลีบดอกสีขาว เชื่อมติดกันเป็นหลอดรูปกรวย มีกลิ่นหอม ผลแห้งเป็นฝักคู่สีม่วงแกมน้ำตาล เมล็ดมีขนสีขาว
สรรพคุณและส่วนที่นำมาใช้เป็นยา
ฝัก - ใช้ฝนทาแก้ริดสีดวงทวาร


 

6. ลั่นทมแดง
West Indian Red Jasmine
Plumeria rubar Linn.
APOCYNACEAE

รูปลักษณะ
ไม้ยืนต้นขนาดเล็ก สูง 3-6 เมตร ทุกส่วนมีน้ำยางขาว
ใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปใบหอกกลับ กว้าง 5-10 ซม. ยาว 20-25 ซม.
ดอกช่อ กระจุกแยกแขนง ออกที่ปลายกิ่ง ดอกย่อยหลายดอก กลีบดอกสีแดง เชื่อมติดกันเป็นหลอดรูปกรวย มีกลิ่นหอม
ผลแห้งเป็นฝักคู่สีม่วงแกมน้ำตาล เมล็ดมีขนสีขาว
สรรพคุณและส่วนที่นำมาใช้เป็นยา
ฝัก - ใช้ฝนทาแก้ริดสีดวงทวาร เช่นเดียวกับฝักลั่นทมขาว


 

7. อัคคีทวาร
Clerodendrum serratum (Linn.) Moon
var. serratum Schau.
VERBENACEAE
ชื่ออื่น แข้งม้า แคว้งค่า ชะรักป่า หมอกนางต๊ะ หลัวสามเกียน ผ้าห้ายห่อคำ หมักก้านต่อ หูแวง ฮังตอ มักแค้งข่า

รูปลักษณะ
ไม้พุ่มขนาดเล็ก สูง 1 - 4 เมตร
ใบเดี่ยว เรียงตรงข้าม รูปขอบขนาน รูปขอบขนานแกมใบหอก หรือรูปใบหอกแกมรูปไข่กลับ กว้าง 4 - 6 ซม. ยาว 15 - 20 ซม. ขอบใบหยักฟันเลื่อย
ดอกช่อ ออกที่ปลายกิ่ง กลีบดอก 5 กลีบ กลีบกลางสีม่วงเข้ม กลีบข้างสี่กลีบสีฟ้าสด รูปค่อนข้างกลม หรือรูปไข่กลับกว้าง เมื่อสุกสีม่วงเข้มหรือดำ
สรรพคุณและส่วนที่นำมาใช้เป็นยา
ใบ - ใช้ใบแห้งบดเป็นผง กินแก้ริดสีดวงทวาร ยาพื้นบ้านใช้ใบแห้ง ป่นเป็นผงโรยในถ่านไฟ เอาควันเผารมหัวริดสีดวงทวารให้ยุบ
รากและต้น - ฝนกับน้ำปูนใสให้ข้น เกลื่อนหัวริดสีดวงทวาร